วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ




          @นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ 10เรื่องที่น่าสนใจ@



1.นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ-เรื่อง เซี่ยงเมี่ยงแบ่งช้าง
นิทานล้านนา เรื่อง เซี่ยงเมี่ยงแบ่งช้าง

 
บรรดาบุคคลที่เฉลียวฉลาดและสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้โดยคล่องแคล่วว่องไวใน วรรณคดีของไทยแล้ว ทุกคนต้องยกให้เซี่ยงเมี่ยง บางคนถึงเติมสร้อยให้ว่า เซี่ยงเมี่ยงเจ้าปัญญามีช้างพังเชือกหนึ่งของเจ้าผู้ครองประเทศข้างเคียง หลงทางพลัดเข้าในสวนของเซี่ยงเมี่ยง เซี่ยงเมี่ยงสั่งให้ข้าทาสของตนจับช้างนั้นไว้ เขานำเอาช้างพังตัวนั้นไปรับจ้างชักลากฟืน ตลอดจนบรรทุกของต่าง ๆ 





นิทานล้านนา เรื่อง ใครโง่กว่าใคร


มีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า หมายปีมาแล้ว มีชายผู้หนึ่งชื่อ คง ทิดคงนี้เคยบวชเป็นพระภิกษุหลายพรรษา ต่อมาได้สึกและแต่งงานอยู่กินกับภรรยาจนมีบุตรคนหนึ่งทิดคงและครอบครัวมีอาชีพในทางทำนา แกมีนาส่วนตัวอยู่แปลงหนึ่ง แกทำนาด้วยตนเองทุก ๆ ปี นานี้อยู่ห่างจากบ้านของแกราว ๆ ๔ – ๕ กิโลเมตรเวลาเช้าทิดคงจะออกไปไถนาพร้อมกับควาย ครั้นตอนสายและกลางวันลูกสาวจะเป็นผู้นำอาหารไปส่งให้เสมอ วันหนึ่งตอนบ่าย ภรรยาไปตลาดซื้อปลามาตัวหนึ่ง เอาไปแกงส้มอร่อยมากนางคิดถึงสามี จึงขอร้องให้ลูกสาวช่วยนำอาหารมื้อนี้ไปส่งให้ด้วย ลูกสาวรับของออกเดินจากบ้านไป ขณะที่เดินทางฝ่าแดดที่กำลังร้อนจัด ประกอบกับวันนั้นบุตรสาวต้องทำงานที่บ้านแต่เช้าจนบ่ายเมื่อฝ่าแดดมารู้สึก เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก นางจึงหยุดพักวางหม้อข้าวหม้อแกงลง นั่งพักผ่อนใต้ร่มไม้คิดว่าพอหายเหนื่อยแล้วตนจึงค่อยเดินทางต่อไป พอดีมีลมโชยมา



นิทานล้านนา เรื่อง “ไอ้เซี่ยงเมี่ยงค่ำพญา” (ศรีธนญชัยรังแกพญา)
วันหนึ่งเจ้าเมืองเดินทางไปตามบ้านน้อยเมืองใหญ่ ก็ได้ไปพบไอ้ศรีธนญชัย ไม่รู้จักว่าเป็นไอ้ศรีธนญชัย ไอ้ศรีธนญชัยก็ทักเจ้าเมืองว่า ‘’ สาธุ ท่านเจ้าเมืองจะไปไหน ‘’ เจ้าเมืองตอบว่า ‘’ จะไปเที่ยว ‘’ ไอ้ศรีธนญชัยก็ว่า ‘’ เจ้าเมืองนี่ข้าหลอกได้แน่นอน ” ‘’ เด็กน้อยอย่างเจ้านะหรือ จะมาหลอกเราได้ ‘’ เจ้าเมืองตอบ ‘’ จะหลอกข้าอย่างไรล่ะ ‘’ ‘’ ไม่ยากหรอก ถ้าจะหรอกละก็ ” ‘’ ก็ไหนลองหลอกกูดูทีซิ ” ‘’ โอ งั้นหรือ งั้นก็ลงมานี่ก่อนซิ เจ้าเมืองลงมาเสียก่อนแล้วข้าจะหลอก ” ทันใดนั้น เจ้าเมืองก็ลงไป ไอ้ศรีธนญชัยก็ว่า ‘’ นี่ไงล่ะ เจ้าเมืองก็ลงมาตามที่ข้าหลอก ” ตอนนี้ ก็นับได้ว่าไอ้ศรีธนญชัยหลอกเจ้าเมืองได้ 


 

 

นิทานล้านนา เรื่อง ควายลุงคำ


 ลุงคำอยู่บ้านนอก ไม่เคยไปติดต่อธุระการงานกับทางอำเภอเลย ดังนั้นเรื่องราวหรือวิธีปฏิบัติที่ทางอำเภอได้กระทำไปอย่างไรแกจึงไม่เข้า ใจ แต่แก่เป็นคนที่สนใจ เอาใจใส่สอบถามเขาอยู่เสมอครั้งหนึ่ง ลุงคำมีกิจธุระจะเป็นต้องไปติดต่อกับทางอำเภอ เนื่องจากแกมีควายสองตัว เมื่อควายโตแล้วจะต้องนำไปทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณ เพื่อแสดงกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ 




 
นิทานล้านนา เรื่อง ควายลุงคำ 

ลุงคำอยู่บ้านนอก ไม่เคยไปติดต่อธุระการงานกับทางอำเภอเลย ดังนั้นเรื่องราวหรือวิธีปฏิบัติที่ทางอำเภอได้กระทำไปอย่างไรแกจึงไม่เข้า ใจ แต่แก่เป็นคนที่สนใจ เอาใจใส่สอบถามเขาอยู่เสมอครั้งหนึ่ง ลุงคำมีกิจธุระจะเป็นต้องไปติดต่อกับทางอำเภอ เนื่องจากแกมีควายสองตัว เมื่อควายโตแล้วจะต้องนำไปทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณ เพื่อแสดงกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ 


เอกลักษณ์ล้านนา เรื่อง สองสัตว์

ในกาลก่อน มีสัตว์สองตัวเป็นเพื่อนกัน เวลาไปหากินหรือไปในที่ใด ๆ มักจะไปด้วยกันเสมอสัตว์คู่นี้ได้แก่ บ้วน ( นาก ) กับกระต่าย มันหากินอยู่ตามริมฝั่งน้ำปิงเป็นประจำอยู่มาวันหนึ่ง นากออกไปหากิน มองเห็นช่องว่างคิดว่าเป็นทางน้ำจึงว่ายเข้าไป พอเข้าไปแล้วปรากฏว่าไปชนสายใยประตูกะต้ำ (เครื่องดักจับปลาชนิดหนึ่งที่ทำไว้ตามข้างตลิ่ง หันหน้าล่องใต้พอปลาตัวโตเข้าไป เมื่อชนสายใยสลักจะหยุดประตูจะเลื่อนตากลงมาปิดไว้ทันทีทำให้ปลาออกไม่ได้)


 7นิทานล้านนา เรื่อง ผาเผียบ



 
เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ย่านกลางระหว่างภาคเหนือ เรือแพจะขึ้นลงจะต้องแวะเมื่อเวลาผ่านและจอดพักก่อนขึ้นและลงแก่งหน้าเมือง สร้อยเสมอ
ดังนั้นนครแห่งนี้จึงเป็นเสมือนชุมทางค้าขายและเผยแพร่วัฒนธรรม รวมทั้งพระพุทธศาสนาพระสงฆ์ที่มาจากสุโขทัย จากนครศรีธรรมราช จากพม่า และจากลังกา จะขึ้นไปยังนครพิงค์ต้องผ่านเมืองนี้ทุก ๆ ครั้ง
ล้านนา เรื่อง ปุ๋ยลำไย
ลุงทาเป็นชาวสวน แกทำสวนลำไยกว้างขวาง ในฤดูลำไยออกดอกออกผล แกมีความสุขใจที่สุด ดังนั้นตลอดวันแกจะขลุกอยู่แต่ในสวนลำไยตลอดเวลา
ลุงทาจะคอยเอาใจใส่ดายหญ้า พรวนดิน และใส่ปุ๋ยรดน้ำ ครั้นฤดูร้อนย่างเข้ามาทางเทศบาลเบื่อสุนัข ลุงทาจะชื้อซากสุนัขเหล่านั้นจากพนักงาน แล้วนำเอาไปฝั่งไว้ที่โคนต้นลำไยต้นละตัว การที่แกทำเช่นนี้ทำให้สวนลำไยของแกงอกงามยิ่งนัก


นิทานล้านนา เรื่อง ย่าผันคอเหนียง
 

กาลก่อน ณ หมู่บ้านตั้งอยู่ในชนบท ไกลออกไปจากเมืองหลวง ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ ทำนาหาของป่ามาขาย หมู่บ้านแห่งนี้มีหญิงสาวรูปร่างอาภัพผู้หนึ่ง นางไม่ม้ชายหนุ่มผู้ใดไปเที่ยวหาเลยเนื่องจากนางคอพอกโตใหญ่น่าเกลียด ชาวบ้านเรียกนางว่า ‘’ อีตาคอเหนียง
ทุกๆคืนแม้ว่านางจะนั่งปั่นฝ้ายอยู่กลางลานบ้านรอหนุ่ม ๆ มาเที่ยวหา ก็ปรากฏว่าไม่มีใครมาหานางเลย แม้ว่าจะได้ยินเสียงร้องเพลงและเล่นดนตรีของพวกหนุ่มๆ ที่ผ่านมา นางคิดว่าเขาคงจะแวะมาเที่ยวหาตน แต่ปรากฏว่าหนุ่มเหล่านั้นกลับเลยไปบ้านอื่นเสียทุก ๆ คราว

นิทานล้านนา เรื่อง นักเลงปืนเสียท่า
 
หลายปีมาแล้ว มีนักล่าสัตว์ผู้หนึ่งชอบยิงนกยิ่งนัก ทุก ๆ วันเมื่อมีเวลาว่าง เขาจะคว้าปืนคู่มือออกจากบ้านไปเที่ยวหายิงนกตามขอบบึง ซึ่งมีนกเป็ดและนกอื่น ๆ นานาชนิดลงมาหากิน
เขามาคอยดักยิงนกที่นี่เป็นประจำ เมื่อยิงได้นกมากพอเขาก็หิ้วนกที่ยิงได้เป็นพวงโตกลับบ้านเวลาผ่านมาชาวบ้าน และพวกเด็กจะมองดูพวงนกนั้นด้วยความอยากได้ เพราะเขามีฝีมือ